Main Dish: Candy Crepe จากขนมภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย สู่สินค้าระดับมาตรฐานสากล

Candy Crepe โรตีสายไหมสายพันธุ์ใหม่นี้เกิดขึ้นจากความชื่นชอบในขนมหวานเป็นการส่วนตัวของ เจนนิสา คูวินิชกุล หรือคุณแจน และความมุ่งมั่นที่จะยกระดับขนมไทยให้มีภาพลักษณ์ที่สดใส ทันสมัยและสามารถนำเสนอสู่ตลาดโลกได้ จึงได้ตามหาสูตรต้นตำรับของขนมโรตีสายไหมที่อร่อยที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมนำมาพัฒนาภาพลักษณ์และกรรมวิธีการผลิต ให้มีคุณภาพ สะอาด ปราศจากสารกันเสีย และยืดอายุการเก็บได้ยาวนานขึ้น พร้อมแข่งขันกับขนมประเภทอื่นๆในตลาดของหวานโลกยุคสมัยใหม่ได้ คำว่า Candy Crepe มาจากคำสองคำนั่นคือ Candy ซึ่งแปลว่า น้ำตาลสายไหม และคำว่า Crepe ที่หมายถึง แผ่นแป้งโรตี เนื้อแป้งเครปของ Candy Crepe ได้รับการปรับสูตรให้มีความบางเหนียวนุ่ม และเพิ่มความหลากหลายในการนำเสนอ ได้แก่ แป้งเครปออริจินัลใบเตย ชาโคล ช็อคโกแลต เรนโบว์ 7 สี และ ชาไทย ส่วนรสชาติของแคนดี้ก็พัฒนาให้ลูกค้าสามารถเลือกลิ้มลองกันได้สนุกกว่าเดิม เช่น รสสตรอว์เบอร์รี่-กีวี่ รสองุ่น รสเมล่อน รสมะม่วง รสทุเรียน และรสชาติที่แปลกใหม่อย่างโคล่า นอกจากนี้ยังเป็นของหวานเพื่อสุขภาพ เพราะมีการปรับลดความหวานลง เพื่อให้สามารถรับประทานคู่กับเมนูขนมหวานอื่นๆของร้านได้อย่างลงตัว อาทิ ไอศกรีมโฮมเมด เครื่องดื่ม หรือ ผลไม้ เป็นต้น สิ่งที่โดดเด่นของแคนดี้แบรนด์ Candy Crepe คือ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว แคนดี้จะละลายในปากทันที โดยไม่มีผลึกน้ำตาลหลงเหลืออยู่ ซึ่งความพิเศษนี้เกิดจากการควบคุมกระบวนการผลิตอย่างเคร่งครัด จึงกลายเป็นที่มาของสโลแกนประจำร้านว่า “Let it melt in your mouth” หรือ “หอม นุ่ม ละลายในปาก”

Main Dish: แนบเนื้อชลิต เมนูศิลปะแห่งความเรียบง่ายแต่สวยงาม จากห้องอาหารจริต

หลายคนอาจจะรู้สึกแปลกตาแปลกใจกับโรงแรมที่มีรูปทรงชวนน่าค้นหาของโรงแรมอาร์ตไหม แกลเลอรี เพราะแต่ละชั้นของโรงแรมจะถูกออกแบบห้องนอนและมีการจัดแสดงผลงานของศิลปินทั้ง 6 ท่าน ทำให้ผู้เข้าพักได้เพลิดเพลินไปกับชิ้นงานศิลปะสมัยใหม่ นอกจากนี้กลุ่มศิลปินยังได้มีส่วนร่วมออกแบบเมนูซิกเนเจอร์ต่างๆ ให้กับห้องอาหารจริตของโรงแรมอีกด้วย สำหรับอาหารไทยร่วมสมัยที่เป็นทั้งซิกเนเจอร์ของห้องอาหารจริต และเมนูจานเด็ดที่ชื่นชอบของหนึ่งในศิลปินผู้มาช่วยออกแบบโรงแรม คือ แนบเนื้อชลิต จาก คุณชลิต นาคพะวัน ศิลปินผู้ใช้ความเรียบง่ายจากธรรมชาติมาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะให้เต็มไปด้วยพลัง ฉะนั้นเมนูแนบเนื้อชลิตจึงมีคอนเซ็ปท์ตรงตามสไตล์ผลงานศิลปะของเขาทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการสรรหาวัตถุดิบพื้นบ้านที่สามารถหาได้ง่ายจากทุกครัวเรือน จนถึงวิธีการคัดสรรเนื้อโคขุนพันธุ์ดีของชาติไทยมาปรุงอาหาร และเมนูนี้ยังสามารถจับคู่กับรสชาติของไวน์ได้อย่างลงตัวอีกด้วย นอกจากจะให้รสสัมผัสเข้มข้นกลมกล่อม และหอมเครื่องปรุงสมุนไพรไทยแล้ว ภาพลักษณ์การเสิร์ฟอาหารที่ดูงดงาม มีพลัง และสามารถมองเห็นอาหารได้ทุกองศา คือ ความโดดเด่นของเมนูแนบเนื้อชลิตนี้อีกด้วย โดยห้องอาหารจะย่างเนื้อสเต็กให้มีความสุกขนาดกลางไม่แห้งจนเกินไป จากนั้นจะแขวนเนื้อสเต็กเข้ากับตะขอเกี่ยวเนื้อสามตัว เสิร์ฟพร้อมกับหมี่ขาวที่โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว ผักสด และน้ำจิ้มสามรส เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีขั้นตอนการปรุงไม่ยุ่งยาก แต่จัดเสิร์ฟได้อย่างงดงาม เป็นผลงานศิลปะที่ดูสวยงามและสามารถรับประทานได้อีกด้วย

Main Dish: แกงเผ็ดน่องเป็ดรมควัน จาก The FACES Gallery & Gastro Bar

แกงเผ็ดน่องเป็ดรมควัน เป็นเมนูใหม่จาก The FACES Gallery & Gastro Bar ที่ออกมาต้อนรับสีสันฤดูร้อนให้อร่อยกว่าเดิม ความพิเศษของแกงเผ็ดจานนี้ไม่เพียงแต่ดึงเสน่ห์ของอาหารไทยประเภทเครื่องแกงออกมาให้ลิ้มรสกันเท่านั้น แต่ยังนำมาประยุกต์ให้มีรสชาติเข้ากับน่องเป็ดกงฟี หรืออาหารพื้นบ้านของชาวฝรั่งเศสอีกด้วย น่องเป็ดดังกล่าวจะถูกนำมาผ่านกระบวนกงฟี หรือการตุ๋นน่องเป็ดในน้ำมันเป็ดเพื่อให้เนื้อมีความนุ่ม จากนั้นจึงนำมารมควันให้มีกลิ่นหอม และนำมาทอดในน้ำมันเป็ดต่อให้หนังเป็ดมีความกรอบน่ารับประทาน อีกทั้งยังเป็นเมนูที่ใช้ความหวานของผลไม้ตามฤดูกาลมาเป็นส่วนผสมแทนน้ำตาล และปราศจากผงชูรส ซึ่งจะให้รสสัมผัสกลมกล่อมแบบธรรมาติแท้ๆ และดีต่อสุขภาพของผู้รับประทาน

Sugar Rush: เครปเย็นรสทุเรียน จาก Cook With Love Bakery

หลังจากเปิดตัวเครปฟิวชั่นที่อัดแน่นไปด้วยไส้ทั้งคาวและหวานจนได้กระแสการตอบรับอย่างล้นหลาม เชฟไข่และเชฟป๊อป สองพ่อครัวจาก Cook With Love Bakery ก็ได้คิดค้นเมนูใหม่ๆมาช่วยดับคลายร้อน และต้อนรับฤดูกาลใหม่กับเมนูที่มีชื่อว่า เครปเย็นรสทุเรียน ภายในแผ่นแป้งเครปเนียนนุ่มสอดไส้ด้วยเนื้อทุเรียน พร้อมโรยหน้าตกแต่งด้วยข้าวเหนียว ถั่ว วิปครีม น้ำซอสกะทิ ทุเรียนกรอบ และไอศกรีมโฮมเมดรสทุเรียน จัดเสิร์ฟเครปเย็นในสไตล์ญี่ปุ่น โดยใช้วิธีบรรจุเครปอยู่ในกรวยกระดาษที่สามารถหยิบมาพร้อมรับประทานได้ทันที โดยเมนูเครปเย็นรสทุเรียนนี้จะเริ่มให้บริการครั้งแรกที่ Cook With Love Bakery สาขากาดฝรั่ง วิลเลจ

Ready. Set. Taste.: ชุดมื้อค่ำสุดสัปดาห์ที่แสนพิเศษ จาก เลเลฟอง

L’éléphant Boutique Weekend Dinner Set อาหารมื้อวันหยุดสุดสัปดาห์จากร้านอาหารฝรั่งเศสเลเลฟองนี้ ตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเอาใจผู้รักการเสพอาหาร ให้ได้ลิ้มลองเมนูซิกเนเจอร์ต่างๆของร้านภายในชุดคอร์สเดียวกัน ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่อาหารทะเล เนื้อสัตว์ ของหวาน ไปจนถึงเครื่องดื่มชั้นเยี่ยมของร้าน พร้อมเสิร์ฟกันทีเดียวถึง 7 จานด้วยกัน ครีเอทเมนูโดยเชฟปฐพี มูลก้อนแก้ว พ่อครัวและเจ้าของร้านอาหารเลเลฟอง สำหรับชุดอาหารทั้ง 7 คอร์สนี้ จะจัดเสิร์ฟเฉพาะมื้อค่ำของคืนวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ในราคาสุทธิ 1,900 บาทต่อท่าน และแต่ละจานมีรายละเอียดของความอร่อยที่น่าชวนชิม ดังนี้

Chef’s Secret: เชฟเปาโล และเชฟโรดัน สองคู่หูทีมพ่อครัว จากโรงแรมแชงกรี-ลาเชียงใหม่

เมื่อไม่นานมานี้ โรงแรมแชงกรี-ลา เชียงใหม่เพิ่งเปิดตัวทีมงานเชฟรุ่นใหม่ผ่านงานเปิดตัวของ Afternoon Tea Buffet ทำให้ทีมงาน Spoon&Fork ได้มีโอกาสทักทาย พร้อมทำความรู้จักกับสองเชฟหน้าใหม่ในวงการอาหารโรงแรมชั้นนำ คือ เชฟเปาโล เปโรซี และ เชฟโรดัน ซีโด ซูเลอต้า เชฟเปาโล เปโรซี เป็นหัวหน้าทีมงานหน้าใหม่ชาวอิตาเลียน ผู้พกพารอยยิ้มและชื่นชอบการเล่นมุขสนุกสนานกับเพื่อนร่วมงานเสมอ ในวัยเด็กเขาได้รับแรงบันดาลใจการทำอาหารจากมารดา จึงได้ดำเนินเจตนารมณ์ตามความฝันของตนมาจนถึงปัจจุบัน ประสบการณ์ด้านอาหารของเขาเริ่มต้นขึ้นที่อิตาลี ประเทศบ้านเกิด ในร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หนึ่งดาวที่มีชื่อว่า Pirana ตั้งอยู่ในเมืองปราโต จากนั้นเขาได้ใช้เวลาอีกหลายปีทำงานตามร้านอาหารชื่อดังต่างๆของอิตาลี และร้านสุดท้ายที่ได้ทำงานด้วยมีชื่อว่า Arnolfo ซึ่งเจ้าของร้านเป็นเชฟชื่อดังแห่งอิตาลีที่รู้จักกันในนามว่า Gaetano Trovato ก่อนจะย้ายมาเป็นพ่อครัวอาหารอิตาเลี่ยนที่โรงแรมแชงกรี-ลา โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

Royal Cuisine: เหตุเกิดเพราะลงเรือ : ตำรับน้ำพริกลงเรือ ของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์ สดับ ลดาวัลย์

ภาพถ่ายของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์ สดับ ลดาวัลย์ ในวัยแรกรุ่นภาพนี้ ถ่ายไว้เมื่อครั้งอยู่ในฐานะเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ถวายการรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทในช่วงสุดท้ายของพระชนม์ชีพก่อนจะเสด็จสวรรคต เรื่องราวของเจ้าจอมสดับที่เป็นภาพจำของผู้คนที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์และคนทั่วไป ก็คือบทพระราชนิพนธ์ที่สลักไว้ในกำไลทองแท้ ซึ่งได้พระราชทานแก่เจ้าจอมสดับ ซึ่งเต็มไปด้วยความหมายและความไพเราะข้ามกาลเวลามาให้คนรุ่นหลังได้ซาบซึ้ง

Street Spotlight: คุณวิลาส ปัญญาวงศ์ พาไปชิมร้านอาหารเหนือเจ้าดังของเชียงใหม่ เฮือนเพ็ญ

ฉบับนี้ คุณวิลาส ปัญญาวงศ์ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพของทีมงาน Spoon&Fork ชวนพวกเราไปชิมอาหารเหนือเจ้าเก่าแก่ของเชียงใหม่ที่ร้านเฮือนเพ็ญ ในวัยเด็กเมื่อ 50 ปีก่อน คุณวิลาสชอบไปรับประทานเมนูขนมจีนกับส้มตำที่ร้านเฮือนเพ็ญเสมอ เพราะมีรสชาติที่อร่อยและให้ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนกับรสมือของคนในครอบครัว ประกอบกับเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ใกล้บ้าน จึงเดินทางมาได้สะดวก แม้ว่าจะกาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ร้านเฮือนเพ็ญก็ยังคงรักษามาตรฐานของอาหารไว้ และที่สำคัญยังมีการปรับร้านอาหารให้ทันกับโลกสมัยใหม่อย่างต่อเนื่อง เมื่อมีแขกบ้านแขกเมืองมา คุณวิลาสก็จะชักชวนทุกคนไปทานอาหารที่ร้านเฮือนเพ็ญเสมอ เมนูที่โปรดปรานได้แก่ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ซี่โครงหมูทอด ข้าวเงี้ยว ข้าวต้มน้ำวุ้น และโดยเฉพาเมนู ตำมะเขือสูตรโบราณ ที่ใช้วิธีการย่างมะเขือให้มีกลิ่นหอมก่อนนำมาปรุงรส

Insta Corner: B Samcook Home 16

B Samcook Home 16 คือ คอมมูนิตี้ขนาดเล็กที่ประกอบด้วยร้านอาหารออร์แกนิค มุมกาแฟ และห้องพักโรงแรม ภายในคอมมูนิตี้เต็มไปด้วยกระถางต้นไม้และดอกไม้มากมายชวนให้รู้สึกร่มรื่นสบายตา และในแต่ละมุมของร้านล้วนมีสไตล์การตกแต่งที่ต่างกันออกไป นับเป็นอีกสถานที่เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อน เลือกสั่งอาหาร และถ่ายภาพสวยๆเก็บไว้ในความทรงจำ ส่วนร้านอาหารออร์แกนิค มีการออกแบบเป็นสถาปัตยกรรมลอฟท์ที่ดูเข้มขรึม เท่ห์ และกว้างขวาง ห่างออกไปเล็กน้อยคือมุมกาแฟสวยๆ รายล้อมด้วยกระจกโปร่งใสทุกด้าน อีกทั้งยังมีเก้าอี้ชิงช้าไว้นั่งแกว่งโยกเพลินๆ พร้อมนั่งจิบกาแฟ และชิมเบเกอรี่ไปด้วย B Samcook Home 16 is home to an extended family which has created a charming small community featuring an organic restaurant, a café zone a hotel as well as some shops. Each zone comes with its own identity, and fun by a family member making this a great destination for taking time out from a busy life, grabbing a bite, sipping an aromatic cup of coffee or taking a quick snap for your social media

Eat Well: ยำผักสดสมุนไพร จากร้านฟ้าธารา

ยำผักสดสมุนไพร เมนูทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพและผู้ที่รับประทานมังสวิรัติจากฟ้าธารา เป็นการผสมผสานผักสลัดใบเขียวกับพืชผักสุมนไพรไทยมายำรวมกันได้อย่างลงตัว และยังคงเป็นเมนูที่เน้นรสชาติแบบไทยๆ โดยน้ำซอสที่นำมะขามเปียก น้ำกะทิ ถั่วลิสง น้ำพริกเผา และน้ำตาลปี๊บผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำมะพร้าวคั่ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ หัวหอม และพริกใส่ลงในชาม พร้อมคลุกเคล้าให้เข้ากันกับน้ำซอส ตามด้วยนำผักสลัดและผักสมุนไพร พร้อมด้วยเต้าหู้หั่นสี่เหลี่ยม ใส่ลงไปในชามคลุกจนเป็นเนื้อเดียว แล้วจัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟรับประทานได้ทันที

Drink Me: Jack Bain’s Bar บาร์แห่งความทรงจำและเครื่องดื่มสุดพิเศษ จาก 137 พิลลาร์ เฮาส์ เชียงใหม่

Jack Bain’s Bar บาร์สุดหรูที่สร้างขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลจาก แจ็ค เบน ผู้ซึ่งเคยครอบครองบ้านไม้สักที่มีเสาจำนวน 137 ต้นซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ในวัยเยาว์ของแจ็ค เบน เขาคือชายที่รักอิสระ ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวและหลงใหลในการดื่มเป็นอย่างมาก ในเวลาต่อมาเมื่อบ้านหลังนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม 137 พิลลาร์ เฮาส์ เชียงใหม่ ความรักที่มีต่อการผจญภัยอันหลากหลายของเขากลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างบาร์แห่งนี้ขึ้น ภายใต้บรรยากาศอบอุ่นหรูหราในสไตล์สถาปัตยกรรมล้านนาร่วมสมัย รายล้อมไปด้วยคลังรูปภาพประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ในอดีต และยังอยู่ติดกับห้องสมุดที่มีหนังสือหลากหลายประเภทให้เลือกอ่าน บาร์แห่งนี้พร้อมให้บริการเครื่องดื่มสูตรพิเศษต่างๆ ซึ่งมีตั้งแต่คอกเทลสูตรดั้งเดิมที่มีอายุกว่าร้อยปี ม็อคเทลรสหวานแบบสมัยใหม่ จนไปถึงสมูตตี้ผลไม้นานารสชาติ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งเมนูของทานเล่นมารับประทานคู่กับเครื่องดื่มได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกุ้งอบเนยกระเทียม (Garlic butter prawn) ปีกไก่ราดซอสบาร์บีคิว (Chicken wing with BBQ sauce) และพิซซ่าหน้าฟักทอง (Roasted pumpkin pizza) Nam Ma-Ned เป็นเมนูเครื่องดื่มแนะนำในประเภทม็อคเทลจาก Jack Bain’s Bar ด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยของน้ำเชื่อมและน้ำมะนาวจะช่วยมอบความสดชื่นให้แก่ผู้ดื่ม นอกจากนี้ยังมีกลิ่นของไซรัปรสพีชซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขณะจิบเครื่องดื่มได้อย่างดี จัดเสิร์ฟในแก้วรูปทรงสับปะรดสีทองสะดุดตา พร้อมตกแต่งเครื่องดื่มด้วยใบมินท์และเลมอน

Food Trails: เมนูใหม่ จาก กำแพงแก้ว

เพลิดเพลินกับรสชาติของอาหารไทยร่วมสมัย ท่ามกลางงานศิลปะตระการตาในพิพิธภัณฑ์แกลเลอรี่ใหม่เอี่ยม ที่ กำแพงแก้วบายเชฟตูตู เมื่อเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ เชฟตูตูได้ครีเอทเมนูใหม่ๆเข้ามาให้เหล่าลูกค้ามารับประทานกัน เริ่มด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย กระเพาะปลาผัดแห้งปู ซึ่งเชฟตูตูได้คงรสชาติวัตถุดิบของกระเพาะปลาเอาไว้ได้อย่างกลมกล่อม เพิ่มรสชาติให้มีสีสันด้วยเนื้อปูผัดแห้ง จานถัดมาเป็น พล่าแซลมอนในน้ำยำรสจัดจ้าน เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผักสดนานาชนิด ต่อด้วยเมนูยำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ยำกัลยา ซึ่งประกอบด้วยเครื่องเคียงหลักเป็นขมิ้นขาว ยอดมะพร้าวอ่อน และตะไคร้ รับประทานคู่กับกุ้งสดลวก ต่อด้วยผัดทะเลโหระพากรอบ อัดแน่นไปด้วยเครื่องเคียงสมุนไพรและเครื่องปรุงรสเข้มข้น คลุกเคล้ากับกองทัพอาหารจากทะเลสดๆ ตบท้ายเป็นเมนูแนะนำน้องใหม่คือ เรนดัง ซึ่งเป็นอาหารชาวมีนังกาเบา อินโดนีเซีย มีรสชาติคล้ายกับแกงมัสมั่นของไทย ซึ่งเชฟตูตูได้นำมาประยุกต์สูตรใหม่ให้มีสีสัน โดยรับประทานพร้อมกับข้าวตังกรอบๆ ให้รสชาติที่อร่อยเข้ากัน

Mouthwatering: ช่วงเวลาแห่งความสุข ที่กาดฝรั่ง วิลเลจ

กาดฝรั่ง วิลเลจ บูทีค ไลฟ์สไตล์ มอลล์ (Kad Farang Village Boutique Lifestyle Mall) คอมมูนิตี้ขนาดใหญ่บนพื้นที่ประมาณ 20 ไร่แห่งนี้ กำลังจะสร้างสีสันถนนเส้นเชียงใหม่-หางดง-ฮอดสายเก่า ให้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาเพิ่มขึ้น นับว่าเป็นโครงการที่ตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบันได้ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน แหล่งรับประทานอาหาร และการช็อปปิ้งอย่างมีสไตล์ นอกจากนี้โครงการยังตั้งอยู่ไม่ห่างจากตัวเมือง สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย และที่สำคัญถนนสายสำคัญนี้ยังได้เชื่อมต่อไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกหลายแห่ง อาทิ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี อุทยานหลวงราชพฤกษ์ รวมไปถึงอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และจังหวัดแม่ฮ่องสอนอีกด้วย

Food Trails: Charcoa Bakery & Cozy hotel

สัมผัสบรรยากาศของร้านอาหารและเบเกอรี่ที่ให้ความรู้ประหนึ่งอาศัยอยู่ในชนบทของชาวบ้านแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ ชาร์โคล เบเกอรี่ ภายใต้โครงสร้างการตกแต่งของไม้ผนังอิฐสีธรรมชาติ มีโต๊ะให้เลือกนั่งทั้งโซนห้องปรับอากาศภายในร้าน และโซนนอกร้านใต้ร่มไม้ร่มรื่น บ้านหลังเล็กนี้นอกจากจะเป็นร้านอาหารแล้ว ยังเป็นเกสท์เฮาส์ขนาดเล็กในพื้นที่เดียวกันอีกด้วย ร้านอาหารและเบเกอรี่แห่งนี้ อยู่คู่เชียงใหม่มานานกว่า13 ปี และสำหรับฤดูร้อนปีใหม่นี้ ชาร์โคล เบเกอรี่ ได้แนะนำเมนูใหม่ เริ่มต้นจากของคาวแบบอิ่มเบาท้อง เป็นพิซซ่าคอลซูเน่ หรือพิซซ่าเสี้ยวพระจันทร์สไตล์อิตาเลี่ยนที่มีรสชาติกลมกล่อมหอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมกับผักสลัดสด และยังเลือกรับประทานได้ถึงสองขนาด คือ ถาดขนาดเล็กในราคา 150 บาท หรือถาดขนาดใหญ่ในราคา 289 บาท ต่อด้วยของหวานดับร้อน banana flam’be with orange sauce หรือกล้วยหอมทอดราดซอสส้มหวาน รับประทานคู่กับไอศครีมวนิลลา จากนั้นมาตบท้ายด้วยเครื่องดื่มมอคค่าเย็นโฟลด์ดิ้งด้วยไอศกรีม ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกรสชาติของไอศกรีมได้ตามความชื่นชอบ

Food Trails: The Ironwood

The Ironwood เป็นรีสอร์ทสไตล์วินเทจ และร้านอาหารเล็กๆในป่าเขาที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติและผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ สถานที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางชาวเมืองใหญ่ที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวาย แวะผักผ่อน พร้อมดื่มด่ำรสชาติอาหารท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี มีมุมสวยๆสำหรับถ่ายรูปในบ้านกระจกที่ประดับประดาด้วยกระถางต้นไม้ และอุปกรณ์ทำสวน สำหรับเมนูอาหารล้วนสร้างสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบท้องถิ่น โดยร้านอาหารจะแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์และปุ๋ยออร์แกนิคให้แก่ชาวบ้าน เพื่อนำไปปลูกสร้างเป็นอาชีพเพื่อขาย และทำอาหารให้คนในครอบครัวรับประทาน หากวัตถุดิบเหลือจึงค่อยส่งต่อให้กับร้านอาหารภายหลัง ทำให้เมนูในแต่ละวันจะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ได้มาจากชุมชน อีกทั้งยังเป็นแรงขับเคลื่อนให้คนในชุมชนมีอาชีพที่ดีและรายได้เลี้ยงครอบครัว

Food Trails: เมนูแนะนำ จาก The Old Place Coffee Bar and Cafe

ขอเชิญสัมผัสบรรยากาศบ้านไม้หลังเก่าอันแสนงดงาม ที่ตกแต่งประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ในสไตล์โมเดิร์นวินเทจ พร้อมลิ้มรสอาหารสามสัญชาติสุดอร่อย ประกอบด้วยอาหารไทย อาหารยุโรป และอาหารจีน การันตีฝีมือและคุณภาพทุกจานด้วยเชฟมืออาชีพเทียบเท่าระดับโรงแรมห้าดาวที่ The Old Place Coffee Bar and Cafe ร้านอาหารติดริมแม่น้ำปิง ที่ครบองค์ประกอบทั้งเรื่องของบรรยากาศ เสียงเพลงขับกล่อง และความหลากหลายของรสชาติอาหาร ให้บริการตั้งแต่เช้าจนตะวันลับขอบฟ้า ย่างเข้าสู่หน้าร้อนปีนี้ The Old Place Coffee Bar and Cafe ได้เปิดแนะนำเมนูนานารสชาติให้ลิ้มลองกัน เริ่มต้นด้วยเมนูล้านนาร่วมสมัยอย่าง ข้าวผัดไส้อั่ว ที่ให้รสชาติจัดจ้านเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมกับน้ำพริกหนุ่มสูตรโบราณ และน้ำซุปร้อน จากนั้นมาเติมพลังให้เผ็ดร้อนไปกับเมนู แกงคั่วเนื้อปูใบพลู โดยเชฟจะใช้น้ำพริกแกงจากภาคใต้มาคั่วผสมกับพริก และเนื้อปู ทำให้ได้รสชาติที่ร้อนแรงและกลมกล่อม ต่อด้วยเมนูสไตล์ตะวันตกอย่าง สเต็กปลาแซลมอน ความโดดเด่นของเมนูจานนี้ คือ มีการจัดเสิร์ฟเนื้อแซลมอนชิ้นใหญ่ซึ่งมีน้ำหนักถึง 250 กรัม ราดด้วยซอสรสเปรี้ยวหอมมัน ตกแต่งบนจานด้วยผักนานาชนิดและตบท้ายมื้อด้วยรสชาติกลมกล่อมแบบอิ่มท้องด้วยเมนูปลาทับทิมราดซอสมะขามรสเปรี้ยวหวาน

Food Trails: มิกซ์ เรสเตอรอง แอนด์ บาร์

มิกซ์ เรสเตอรอง แอนด์ บาร์ เป็นร้านอาหารสไตล์ Modern Cuisine ที่ต่อลมหายใจให้แก่อาหารรสดั้งเดิมทั้งของไทยและนานาชาติกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง การันตีด้านคุณภาพและรสชาติด้วยรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Thailand Taleler ที่กวาดรางวัลมาถึง 6 ปีซ้อนกัน รางวัลTravel Asia Award 3 ปีล่าสุด รางวัล Best of Wongnai Award 2015-2016 รางวัล Best of Thailand Award (Thailand top 10 Restaurant) จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 2 ปีล่าสุด และล่าสุดได้รับรางวัลชนะเลิศร้านอาหารเอเชี่ยนยอดเยี่ยมจาก Myanmore.com จากเว็บไซต์แนะนำร้านอาหารอันดับ 1 ของประเทศเมียนมาร์ ปัจจุบันร้านมิกซ์มีหลายสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ แต่หากใครชื่นชอบบรรยากาศรีสอร์ทในห้างฯ ทิวทัศน์ตะวันลับขอบฟ้าหลังยอดดอยสุเทพ ในสถานที่ไม่ห่างไกลจากตัวเมืองนักแนะนำ มิกซ์ เรสเตอรอง แอนด์ บาร์ สาขาพรอมเมนาดา เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ พื้นที่ภายในร้านแบ่งออกเป็นสองโซน คือ โซนนั่งในร้านที่ตกแต่งสไตล์เอเชี่ยนคอนเทมโพลารี ด้วยเพดานกระจก และโซนระเบียงนอกร้านที่เห็นทิวทัศน์อันงดงามของเมืองเชียงใหม่

Food Trails: พันธ์ศิริ ร้านอาหารจีนเป็ดย่างและติ่มซำ

ร้านติ่มซำและเป็ดย่างในเชียงใหม่คงมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่สำหรับ ร้านพันธ์ศิริ เป็นร้านติ่มซำเจ้าแรกของเชียงใหม่ที่มาตั้งเปิดขายมานานกว่า 28 ปี ก่อนจะย้ายมาเปิดที่เชียงใหม่ ร้านพันธ์ศิริเคยตั้งขายอยู่ในกรุงเทพและมีชื่อเดิมเรียกว่าร้านฝังถึง ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และสูตรดั้งเดิมของครอบครัว จึงกลายเป็นร้านอาหารจีนที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง มีหลายร้านอาหารและโรงแรมชั้นนำในเชียงใหม่เลือกสั่งวัตถุดิบจากร้านพันธ์ศิริเพื่อนำไปปรุงอาหารต่อ รับประกันคุณภาพอาหารและความอร่อยจากเชลล์ชวนชิม และหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่