Street Spotlight: Aydan Stuart รองบรรณาธิการนิตยสาร Citylife พาไปชิม ร้านลาบลุงน้อย by ตี๋หลังมอ

ก่อนจากลากันไปทำงานในกรุงเทพฯ.. ฉบับนี้ทีมงาน Spoon&Fork และ Citylife ได้ขอให้ Aydan Stuart รองบรรณาธิการนิตยสาร Citylife พาพวกเราไปชิมร้านอาหารในดวงใจของเขา นั่นก็คือ ร้านลาบลุงน้อย by ตี๋หลังมอ ช่วงที่ Aydan เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน เพื่อนของเขาที่กำลังเรียนหนังสือที่เชียงใหม่ ได้ชักชวนให้ขึ้นเหนือมาเที่ยว และพามานั่งชิวๆที่ร้านลาบลุงน้อย by ตี๋หลังมอ ซึ่งเป็นร้านอาหารเหนือแห่งแรกที่ Aydan ได้มาชิม แล้วชื่นชอบความหอมของสมุนไพรที่ใช้ปรุงกับลาบ อีกทั้งมีความเผ็ดร้อนระดับกลางๆ ทำให้ชาวต่างชาติรับประทานได้อย่างเพลิดเพลิน เป็นกับแกล้มแสนอร่อยคู่กับเบียร์แก้วโปรด

Mouthwatering: All Day Dining at TIME riverfront cuisine and bar ชั่วโมงแห่งความทรงจำ ที่ “ณ นิรันดร์” โรแมนติก บูทีค รีสอร์ท

   “ณ นิรันดร์” โรแมนติก บูทีค รีสอร์ท ขอมอบชั่วโมงแห่งความอิ่มอร่อยและความประทับใจ ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแรมติก ใต้ร่มเงาอันยิ่งใหญ่ของต้นฉำฉาอายุกว่าร้อยปี ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางของรีสอร์ท ประดุจหัวใจแห่ง ณ นิรันดร์             อิ่มอร่อยกับอาหารไทย อาหารล้านนาฟิวชั่น และอาหารนานาชาติ ที่ ห้องอาหาร TIME riverfront cuisine and bar ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับโรงแรม ออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรมอินดัสเทเรียลวินเทจ ติดเรียบกับแม่น้ำปิง เมนูแนะนำ ได้แก่ แกงมัสมั่นขาแกะ หมูกรอบราดซอสฮังเล ออเดิร์ฟเมือง ยำส้มโอปูนิ่มทอดกรอบ สเต็กเนื้อสันใน และ สเต็กปลาแซลมอนทิกก้า

Royal Cuisine: อดีตที่ไม่มีใครรู้จักของ “ต้มยำกุ้ง”

   การที่ต้มยำกุ้งเป็นอาหารขึ้นชื่ออันดับต้นๆของไทยในทุกวันนี้นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะความลงตัวของรสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ดในต้มยำกุ้งนั้นเป็นที่ถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจนกลายเป็นเมนูยอดนิยม และในบางครั้งก็กลายเป็น “เมนูสิ้นคิด”สำหรับคนที่คิดอะไรไม่ออกก็ต้องหลุดปากสั่งต้มยำกุ้งมาเป็นเมนูหลักประจำโต๊ะเอาไว้ก่อน             แต่ก่อนจะมามีชื่อเสียงโด่งดังอย่างทุกวันนี้ ในประวัติศาสตร์อาหารของบ้านเรานั้น แทบไม่สามารถสืบค้นที่มาของต้มยำกุ้งได้เลยว่ามาจากที่ใดกันแน่และใครเป็นผู้คิดค้น มีเพียงการบันทึกถึง “ต้มยำ”ในหนังสือตำรากับข้าวไทยในสมัยรัชกาลที่ 5  ชื่อประติทินบัตรแลจดหมายเหตุ ร.ศ. 108  ที่กล่าวถึงเมนูต้มยำ แต่เป็นต้มยำปลา  เช่น ต้มยำปลาช่อน ต้มยำปลาหมอ ต้มยำปลากระเบนฯลฯ

Kitchen Culture: ‘บ้านลันได’ เรื่องเล่าใหม่ของอาหารไทย-พื้นบ้าน ในโลกยุคปัจจุบัน

อาหารบางจาน… อาจทำให้เราห้วนกลับไปนึกถึงวัยเด็ก ว่าครั้งหนึ่งในความทรงจำ เราเคยรับประทานอาหารแสนอร่อยแบบนี้ พร้อมกับญาติสนิทมิตรสหายมาก่อน… รสชาติอันแสนคุ้นเคย ชวนอิ่มสบายท้อง ในบรรยากาศเก่าๆ ได้ถูกนำกลับมาเล่าใหม่ ที่บ้านเปี่ยมรักหลังน้อยๆ บ้านลันได             “อาหารไทยของเราๆ สามารถยกระดับเทียบเท่ากับอาหารตะวันตกได้อย่างไม่แพ้ใคร ด้วยวัตถุดิบและวิธีการปรุง ที่มีกระบวนซับซ้อน ใช้เวลานาน จึงเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผมอยากทำอาหารไทยออกมาดีๆ ในแบบรสชาติของเราเอง และแสดงออกไปให้เห็นว่า อาหารไทยยังคงมีความน่าตื่นเต้นอยู่เสมอ” นพดล นันติแสง หรือ คุณลันได สถาปนิกชายหนุ่ม ผู้หลงใหลการทำอาหาร ได้สร้างบ้านหลังน้อยๆ ของตัวเองขึ้นมา พร้อมเล่าเรื่องราวของอาหารที่บันทึกไว้ในความทรงจำของเขา

Kitchen Culture: ‘ยุ้งฉางหม่าล่า’ ร้านปิ้งย่างสไตล์เสฉวน ในตลาดเพลินฤดี ไนท์มาร์เก็ต

  เรื่องกิน คือ เรื่องใหญ่ เพราะความหิวโหยยังคงเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ ยิ่งเป็นอาหารที่กำลังได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ก็ยิ่งทำให้ผู้คนเสาะหาความอร่อยใส่ลงท้องอยู่เสมอ ในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทรนด์ของ ‘หม่าล่า’ กำลังเป็นกระแสที่มาแรง ไม่แพ้อาหารไทยจากละครเรื่องบุพเพสันนิวาสเลยทีเดียว เพราะวัตถุดิบอันเผ็ดร้อนจากประเทศจีนตัวนี้ สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายเมนู ประกอบด้วย ปิ้งย่าง ต้ม ผัด และ อื่นๆ                ยุ้งฉางหม่าล่า ร้านปิ้งย่างสไตล์เสฉวนเล็กๆ ในตลาดเพลิดฤดีแห่งนี้ แน่นเนืองไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มาชิมหม่าล่าชิ้นหนาๆ โดยพร้อมเพียงกัน ด้วยรูปแบบการนำเสนอที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน เสิร์ฟปิ้งย่างเนื้อคุณภาพดีบนกระบอกไม้ไผ่ เคียงคู่กับซอสและพริกหม่าล่าจัดจ้าน ทำให้เป็นที่จำจดของผู้คน  จนมีชื่อภาษาอังกฤษติดปากนักท่องเที่ยวว่า ‘Bamboo Stick’

Drink Me: จิบน้ำชายามบ่าย ที่ มาลินพาวิลเลี่ยน โรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท เชียงใหม่

โรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท เชียงใหม่ ขอมอบความสุขสันต์ยามบ่ายแก่ทุกท่าน มานั่งจิบน้ำชาเคียงคู่กับเมนูของคาวและหวานนานาชนิด ที่ มาลินพาวิลเลี่ยน ท่ามกลางบรรยากาศชวนผ่อนคลาย ภายใต้เสน่ห์ของสถาปัตยกรรมล้านนาร่วมสมัย  ในพื้นที่เปิดกว้าง มองเห็นคลื่นผิวแม่น้ำปิงกระทบกับแสงแดดระยิบระยับ และยังเป็นจุดชมวิวท่าเรือหางแมงป่องในมุมมอง 90 องศา ราคาชุดน้ำชายามบ่ายอยู่ที่ 950++ บาทสำหรับ 2 ท่าน เปิดเครื่องดื่มชาถ้วยโปรดของคุณ แล้วมาเริ่มต้นรับประทานสโคนชาเขียวและสโคนลูกเกด เสิร์ฟคู่กับเนยครีมและแยมรสผลไม้