Royal Cuisine: ในหลวงกับ “ข้าวไทย” กินข้าวอร่อย เพราะว่าอร่อยมาตลอดชีวิต

 |  January 4, 2017

ในหลวงกับ ข้าวไทย

กินข้าวอร่อย เพราะว่าอร่อยมาตลอดชีวิต

Vis_monarch-81_2430x3266 

หลังวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นมา ยามใดที่นั่งรถผ่าน “วังสวนจิตรฯ” หรือพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มองผ่านลำคลองที่ล้อมรอบ ทหารเฝ้าเวรยามและแมกไม้สีเขียวริมรั้ววัง เสมือนว่าสายลมหยุดนิ่ง สายน้ำหยุดไหล สรรพสิ่งหยุดเคลื่อนไหวและบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป เช่น “ธงมหาราช”สัญลักษณ์ประจำพระองค์พระมหากษัตริย์ที่ไม่ได้โบกสะบัดเหนือพระตำหนักจิตรลดารโหฐานเช่นเมื่อครั้งอดีตอีกแล้ว

ก่อน ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ย้อนกลับไปสู่อดีตนานเกือบ ๗๐ ปีในต้นรัชกาลที่ ๙ วังสวนจิตรฯในเวลานั้นมีความคึกคักและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ด้วยการอุทิศกำลังพระวรกาย และพระราชทรัพย์ของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่ทรงเปลี่ยนแปลง “วังสวนจิตร” พระตำหนักกลางทุ่งส้มป่อย ซึ่งรัชกาลที่ ๖ ทรงสร้างไว้ ให้กลายเป็นแปลงนาสาธิต โรงเลี้ยงโคนม โรงสีข้าว ฯลฯ ซึ่งไม่น่าจะอยู่ในพระราชวังของพระมหากษัตริย์ แต่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่ในหลวงได้ทรงศึกษาปัญหาพื้นฐานของประชาชนชาวไทย และพบว่าปัญหาส่วนใหญ่คือปัญหาปากท้อง แหล่งอาหารมีไม่เพียงพอ จึงได้ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการเกี่ยวกับการเกษตรสวนจิตรลดาขึ้นในพื้นที่พระราชวังดุสิต

พระราชวังของในหลวงจึงได้กลายเป็นสถานที่ทดลองพันธุ์ข้าว ทรงหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวด้วยพระองค์เอง และจัดตั้งโรงสีข้าวทดลอง เมื่อบรรลุผลแล้ว จึงได้พระราชทานผลที่ได้รับจากการทดลองให้เกษตรกรนำไปใช้ต่อยอดต่อไป

นาข้าวในวังสวนจิตรในวันนั้น ได้สะท้อนให้เห็นว่าในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ “ข้าว” ซึ่งเป็นอาหารหลักของคนไทยมาแต่โบราณ และขณะเดียวกันพระองค์เองก็ทรงโปรดเสวย “ข้าว” โปรดเสวยอาหารไทยที่ต้องรับประทานกับ “ข้าว” แม้ว่าในช่วงหนึ่งของพระชนม์ชีพจะประทับอยู่ในต่างแดนเป็นเวลายาวนานก็ตาม

คนไทยกินข้าวมาแต่บรรพบุรุษ จะกินขนมปังสักมื้อสองมื้อก็คงได้ แต่จะให้กินตลอดไปคงไม่ได้ กินข้าวอร่อย เพราะว่าอร่อยมาตลอดชีวิต แล้วถ้ามีอยู่วันหนึ่งเราเอานาไปทำอย่างอื่น หมดแล้วต้องไปซื้อข้าวที่บรรทุกมาในเรือบรรทุก แล้วก็แพงมากกว่าที่เราปลูกได้แล้ว คิดถึงชาวบ้านที่เขายากจน เขาต้องซื้อข้าวแพง …” (พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับผู้ได้รับพระราชทานทุนอานันทมหิดล จากบทความ “พ่อของแผ่นดิน พระผู้ทรงห่วงใยคนไทยทุกหมู่เหล่า “โดย ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย)

ทรง “คิดถึงชาวบ้านที่เขายากจน เขาต้องซื้อข้าวแพง…” ด้วยเหตุนี้จึงทรงส่งเสริมให้ชาวนาปลูกข้าว โดยเฉพาะข้าวไทยพันธุ์ดี โดยใน พ.ศ. ๒๕๐๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ฟื้นฟูพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญซึ่งว่างเว้นไปหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองในช่วงปี ๒๔๗๙-๒๕๐๒ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ชาวนา และต่อมาในปี ๒๕๐๔ มีพระราชดำริให้จัดทำ “พันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทาน”ขึ้นโดยโปรดเกล้าฯให้นำพันธุ์ข้าว “นางมล”ไปปลูกที่วังสวนจิตร เพื่อนำไปใช้ในพระราชพิธีพืชมงคลในปีถัดไป

ในปีนั้น ส่วนหนึ่งของวังสวนจิตรจึงกลายเป็นนาข้าว โดยในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงหว่านเมล็ดพันธุ์ ข้าว และทรงขับรถไถนาควายเหล็กด้วยพระองค์เอง

ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ศึกษาการทดลองและทำนามาบ้าง และทราบดีว่า การทำนานั้นมีความยากลำบากอยู่ไม่น้อย จำเป็นจะต้องอาศัยพันธุ์ข้าวที่ดี และต้องวิชาการต่างๆด้วยจึงจะได้ผลเป็นล่ำเป็นสันพระราชดำรัสดังกล่าวทำให้เห็นว่าทรงรับรู้ว่าการทำนานั้นยากเย็นเพียงใดกว่าจะได้ข้าวพันธุ์ดี แต่ในที่สุดพระราชประสงค์ก็สัมฤทธิผล ปีต่อมาจึงปรากฎภาพเกษตรกรไทยวิ่งกรูเข้าไปเก็บเมล็ดข้าวเปลือก “พันธุ์ข้าวมงคล”ของในหลวงในวันพืชมงคลและได้กลายเป็นขวัญกำลังใจแก่พวกเขาเหล่านั้นให้ปลูกข้าวพันธุ์ดี และพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยให้มีคุณภาพต่อไป

ข้าวอร่อยๆที่หอม หุงขึ้นหม้อซึ่งเรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ชาวนาไทยเลี้ยงตนเองได้ เพราะนอกจากโครงการนาทดลองแล้ว ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังมีพระราชดำริให้จัดทำโรงสีข้าวในวังสวนจิตร         รับซื้อข้าวเปลือกในราคาที่เป็นธรรม ทรงตั้งโรงสีข้าวพระราชทานให้สมาชิกสหกรณ์เข้าไปบริหารจัดการ ดูแลเรื่องการตลาด เพิ่มมูลค่าให้แก่ข้าวไทยจนสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้ในราคาที่เป็นธรรม สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าพระองค์ท่านไม่ทรงทอดทิ้งชาวนาผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ทรงเห็นความสำคัญของ “ข้าว”ว่าเป็นอาหารหลักของคนไทยทุกคนรวมทั้งพระองค์เองด้วย รับสั่งว่าทรงโปรดรับประทานข้าวกล้อง

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้เล่าถึงในหลวงกับข้าวไว้ว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีวิถีชีวิตของพระองค์ที่เรียบง่ายที่สุด ผมเคยถามพระองค์ว่าทรงโปรดเสวยอะไร พระองค์ท่านบอกคำเดียวว่า ข้าว

มองผ่านรั้ววังและต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวของวังสวนจิตรในวันนี้…ไม่ว่าแปลงนาและโรงสีข้าวเหล่านั้นจะยังอยู่หรือไม่…ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป เพราะพระมหากรุณาธิคุณและน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะยังคงประทับอยู่ตราบนานเท่านาน…ในทุกเมล็ดข้าวที่เรากิน และในทุกยามที่เราได้ลิ้มรส “ข้าวไทย”ที่หอมอร่อยในฐานะอาหารประจำชาติที่คนไทยเราจะต้องร่วมกันเชิดชูคุณค่าดังพระราชปณิธานที่ทรงมุ่งหวังจะให้ชาวนาไทยลืมตาอ้าปากได้ และให้คนไทยรู้คุณค่าของ “ข้าว” อย่างแท้จริง

IMG_1723

It has been bitter sweet each time I drive past Chitralada Palace in Bangkok, its small moat watched over by discreet soldiers and lush trees, all remains unchanged, but knowing that so much has gone.

But then I remember that within those palace walls lies one of the most important engines of our nation, one that has, for seventy years, worked tirelessly to feed our people and better our lives. This palace, built under the reign of King Rama VI, was turned into an agricultural laboratory by our late king, who spent years growing, breeding, grafting, studying a wide range of agricultural practices and products so that he could give to his people food for their tables and seeds for their fields.

Within this unique palace wall, unlike any other palace in the world, lies greenhouses, fields, and even a rice mill.

Understanding that rice is the backbone of this nation, His Majesty spent years experimenting with various strains of rice, understanding not only their properties, but the process needed to take them from seeds to table. When once asked what His Majesty’s favourite food was, he answered with one word, “rice”.

Royal Restaurant-2_CMYK

ข้าวของพ่อ ‘Arancini’

(Italian style Rice stuffed ball with Fresh mozzarella cheese, Ricotta Dasil Cream and semi dried Tomato.)

รังสรรค์เมนูโดย คุณพันธนันท์ ธงทอง (เชฟเมย์) ผู้ก่อตั้งร้านมังกี้ คิทเช่น

ตามปกติเวลาเรารับประทานข้าว เรามักจะนึกถึงการกินข้าวกับกับเป็นส่วนใหญ่ แต่เมย์อยากทำเมนูข้าวนั้นให้ดูแตกต่าง ทันสมัยในสไตล์อิตาเลี่ยนควิซีน และสามารถเป็นของว่างทานเล่นได้ โดยเมนูนี้อยู่ภายใต้คอนเซ็ปท์ ข้าวของพ่อ ฉะนั้นเมย์จึงได้เลือกผลิตภัณฑ์เกือบทุกอย่างของโครงการหลวง มารังสรรค์เป็นอาหารทานเล่นในชื่อเมนู Arancini ซึ่งเป็นภาษาอิตาลีแปลว่าข้าวสอดไส้ โดยนำข้าวกล้องดอยหอมนิลบราวไรซ์ และข้าวหอมนิลมาผสมกัน ให้มีสีสันความเป็นธรรรมชาติจากอาหาร แล้วจึงสอดไส้ด้วยชีส ราดด้วยริคอตต้าดาซิลครีม และเสิร์ฟพร้อมกับมะเขื่อเทศอบแห้ง เชฟเมย์กล่าวถึงเมนูข้าวของพ่อ

Monkey Kitchen’s Chef Phattanant ‘May’ Thongthong shares her recipe this month, using ‘Father’s Rice’ and all Royal Project ingredients to create the Arancini, or stuffed riceballs, using ‘hom nil’ brown rice, a strain of jasmine rice, stuffed with fresh mozzarella, ricotta dasil cream and served with semi dried tomatoes.